สวัสดีครับท่านผู้อ่าน
พบกับผมในบทความที่ห้าแล้วนะครับ ^^
คราวนี้ผมจะขอเรียบเรียงประวัติที่มาของไฮโดรเจน
ก็เป็นการเรียบเรียงจากหนังสือ “เศรษฐกิจไฮโดรเจน”
จากสำนักพิมพ์คบไฟ แปลโดยคุณกุลศิริ เจริญศุภกุล เช่นเคยครับ
โลกและจักรวาลของเรา
ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจนเป็นหลักเลยนะครับ
ทราบไหมครับว่า
75% ของมวลโลก คือ ไฮโดรเจน
90% ของโมเลกุลจักรวาล คือ ไฮโดรเจน
30% ของมวลดวงอาทิตย์ คือ ไฮโดรเจน
ไฮโดรเจนจึงเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด
แทบทุกอย่างล้วนมีไฮโดรเจนเข้าไปประกอบอยู่ด้วย
แต่เราไม่พบว่าไฮโดรเจนอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างอิสระ
แต่จะประกอบเข้ากับธาตุอื่นๆเสมอ
หากเราสามารถนำไฮโดรเจนมาใช้เป็นตัวช่วยเก็บพลังงาน
เราจะสามารถหลุดพ้นวิกฤตพลังงาน
และวิกฤตโลกร้อนได้อย่างแน่นอนที่สุดครับ
เอ..แล้วไฮโดรเจนมีประวัติที่มายังไงบ้างนะ
ไฮโดรเจนถูกค้นพบครั้งแรกโดย
Henry Cavendish ในปี 1776
(หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตกได้ 9 ปี)
เค้าพบว่าเราสามารถผลิตน้ำได้จากกระแสไฟฟ้าครับ
โดยใช้กระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยา
ให้อะตอมของธาตุสองชนิดที่ยังไม่มีชื่อในขณะนั้น
รวมเข้าด้วยกันเป็นโมเลกุลของน้ำ
ซึ่งธาตุทั้งสองชนิดดังกล่าวนี้
เค้าเรียกมันว่า
“
อากาศที่ทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้” กับ “
อากาศที่ติดไฟได้”
ต่อมาในปี 1785
10 ปีให้หลังจากการค้นพบของ
HenryAntonie Laurent Lavoisier สามารถทำได้ในสิ่งเดียวกัน
และได้ตั้งชื่อธาตุทั้งสองนี้ว่า
“
ออกซิเจน” กับ “
ไฮโดรเจน” ตามลำดับ
ไฮโดรเจนถูกผลิตขึ้นและนำมาใช้งานจริงเป็นครั้งแรก
เมื่อปี 1794 หรือ 12 ปีหลังการก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์
โดยหน่วยงานด้านสงครามของประเทศฝรั่งเศส
ครั้งนี้ไฮโดรเจนถูกใช้้บรรจุในบอลลูนของทหาร
เพื่อใช้ในการลาดตระเวนและการสอดแนม
ในปี 1874
58 ปีก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย
Jules Verne (จูลส์ เวิร์น)นักเขียนนวนิยายแนววิทยาศาสตร์ที่โด่งดังของโลก
ได้เขียนนวนิยายเรื่อง
The Mysterious Island หรือเกาะพิศวง
ในเรื่องนี้เค้าได้กล่าวทำนายถึงโลกในอนาคตไว้ว่า
น้ำจะเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่สำคัญของมนุษย์
โดยอธิบายว่า
หากใช้กระแสไฟฟ้าแยกโมเลกุลของน้ำ
จนได้อะตอมของไฮโดรเจนและอะตอมของออกซิเจน
จะก่อให้เกิดความร้อนและแสงสว่างที่ไม่มีวันหมด
ซึ่งพลังงานถ่านหินในขณะนั้นเทียบไม่ได้เลย
ต่อมาในปี 1920
ได้มีการนำไฮโดรเจนมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเป็นครั้งแรก
เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในเรือเหาะ
Zeppelinเพื่อการขนส่งผู้โดยสารเชิงพาณิชย์
ในการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
แต่ก็่เป็นการนำไฮโดรเจนมาช่วยเร่งกำลังเรือเหาะ
และช่วยในการพยุงตัวของเรือเหาะู่ในอากาศเท่านั้น
มิได้ทำหน้าที่เป็นเชื้อเพลิงหลักแต่อย่างใด
โดยใช้ gasoline ทำหน้าที่เป็นเชื้อเพลิงหลักแทน
ในปี 1923
9 ปีก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย
John Burdon Sanderson Haldaneอาจารย์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ได้เขียนรายงานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับไฮโดรเจน
โดยได้กล่าวถึงการผลิต การเก็บรักษา และการนำไฮโดรเจนมาใช้
ซึ่งนับเป็นแนวความคิดที่แหวกแนวในยุคสมัยนั้นมาก
ยากที่จะเชื่อได้ว่าจะเป็นจริงตามนั้นได้
แต่ทฤษฎีของเขาก็กลายมาเป็นเสมือนพิมพ์เขียว
ในการจัดการไฮโดรเจนในเวลาต่อมา
เค้าได้กล่าวถึงการใช้กังหันลมขนาดใหญ่
ในการผลิตกระไฟฟ้าจากพลังงานลม
เพื่อจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่
ไฟฟ้าที่เหลือจากการจ่ายสู่บ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม
จะถูกนำไปใช้ในการแยกโมเลกุลของน้ำ
ให้ได้ธาตุไฮโดรเจนและธาตุออกซิเจน
และเก็บบรรจุธาตุทั้งสองแยกไว้้ใต้ดิน
และในวันที่ลมสงบ
ซึ่งปริมาณแรงลมไม่เพียงพอต่อการผลิตไฟฟ้าตามที่ต้องการ
จะสามารถนำธาตุทั้งสองชนิดที่กักเก็บไว้ใต้ดิน
นำมาทำปฏิกิริยาเคมีเพื่อรวมตัวกันอีกครั้ง
กลายเป็นโมเลกุลของน้ำ ความร้อน..และ้พลังงานไฟฟ้า
ซึ่งนับเป็นครั้งแรก
ที่มนุษย์สามารถกักเก็บพลังงานหมุนเวียนในธรรมชาติไว้ได้
ดังนั้นไฮโดรเจนจึงไม่ใช่พลังงานโดยตัวมันเอง
แต่เป็น
Energy Carrierจากหลักการดังกล่าว
เราสามารถกักเก็บพลังงานดิน น้ำ ลม ไฟ
เช่น ลม แสงอาทิตย์ ไว้ใช้ได้ตามต้องการ
ซึ่งเป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด (Renewable Energy)
และไม่ก่อให้เกิดควันหรือขี้เถ้าใดๆ
ซึ่งต่างจากน้ำมันและก็าซที่เราใช้กันอยู่
ปัจจุบัน
เราผลิตไฮโดรเจน
เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่างๆ
เช่น
ปุ๋ยแอมโมเนีย
น้ำมันเพื่อการบริโภคต่างๆ
สารทำความเย็น
ใช้ในกระบวนการการกลั่นน้ำมัน เป็นต้น
แม้โลกรู้จักไฮโดรเจนมานานแล้ว
แต่ประเทศต่างๆก็ไม่ได้ให้ความสนใจ
ที่จะนำไฮโดรเจนมาเป็นเชื้อเพลิงหลักอย่างเป็นจริงเป็นจัง
มีเพียงการวิจัยระดับกลุ่มเล็กๆของคนที่มีความสนใจ
กระทั่งปี 1990
ที่โลกได้เริ่มตระหนักถึงมหันตภัยโลกร้อน
จากปริมาณ CO2 ที่สะสมในบรรยากาศโลก
ที่เกิดจากการใช้พลังงานฟอสซิลตลอดสองร้อยปีที่ผ่านมา
จึงได้เริ่มมีการร่วมทุนในการค้นคว้าวิจัย
ระดับองค์กร ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก
เพื่อหาทางออกร่วมกัน
ที่เห็นเด่นชัดและเป็นรูปธรรมที่สุดคือ
ประเทศไอซ์แลนด์ (
Iceland)ีที่ได้ลงทุนแปลงเกาะทั้งเกาะ
ให้กลายเป็นเกาะเศรษฐกิจไฮโดรเจนแบบเต็มรูปแบบ
และมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้จำหน่ายเชื้อเพลิงไฮโดรเจนรายใหญ่ของโลกครับ
สำหรับคลิป vdo คราวนี้เป็นคลิปสั้นๆเกี่ยวกับ
โครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ที่ประเทศ
ไอซ์แลนด์ครับ
ชมกันเลยครับ